หากคุณเคยต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณอาจจำเป็นต้องมีผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ (Computer Support Specialist) เพื่อช่วยเหลือคุณ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเหล่านี้จะให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ที่ไม่ใช่พนักงานด้านไอทีในการแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ขณะเดียวกันผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์จำนวนมากก็ยังคงให้ความช่วยเหลือผู้ใช้จากระยะไกล และมีผู้ใช้งานอีกจำนวนไม่น้อยที่ต้องการการสนับสนุนแบบตัวต่อตัว (One-on-One Support)
ผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้คุณได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบัญชีอีเมลหรือแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับไอที รวมทั้งปัญหาที่เกี่ยวข้องการเชื่อมต่อของเครือข่าย
เมื่อพูดถึงข้อกำหนดด้านการศึกษาสำหรับอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ในระดับพนักงานทั่วไป พบว่าข้อกำหนดเหล่านี้อาจจะแตกต่างกันออกไปตามความต้องการของแต่ละบริษัท แม้ว่างานทั้งหมดนั้นจะต้องใช้ความรู้ความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกบริษัทจะต้องการเฉพาะวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีเท่านั้น
ไม่ว่าคุณจะมีวุฒิการศึกษาระดับใด บุคคลที่ต้องการสมัครงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level) นั้น ควรที่จะต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคและได้รับการฝึกอบรมมาก่อน เพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านไอทีที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงที ขณะเดียวกันเงินเดือนของพวกเขาก็อาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่สถานที่ตั้ง จากข้อมูลของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ (Bureau of Labor Statistics: BLS) ณ เดือนพฤษภาคม 2018 พบว่าอาชีพผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์นั้นจะได้รับค่าจ้างรายปีเฉลี่ยที่ $53,470
เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและบริการสนับสนุนด้านไอทีเพิ่มเติมเป็นสิ่งจำเป็น กระทรวงแรงงานของสหรัฐ (BLS) จึงได้มีการประเมินโอกาสสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการสนับสนุนคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็พบว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเติบโตขึ้น 10% ในอีก 10 ปี ข้างหน้า
ถ้าคุณเป็นบุคคลประเภทที่มีความคิดสร้างสรรค์ เราขอแนะนำให้คุณอีกหนึ่งอาชีพ นั่นก็คือ Web Developer หรือนักพัฒนาเว็บนั่นเอง โดยทั่วไปแล้วนักพัฒนาเว็บจะมีหน้าที่รับผิดชอบในการนำวิสัยทัศน์ของลูกค้าไปสู่เป้าหมาย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะหมายถึง การสร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซระดับไฮเอนด์หรือแม้แต่เว็บไซต์เกมอินเตอร์แอคทีฟ (Interactive Gaming)
คุณอาจจะพอนึกภาพออกว่าเว็บไซต์ประเภทต่างๆ นั้นต้องการแอพพลิเคชั่นที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งหมายความว่านักพัฒนาเว็บ (Web Developer) ก็ควรที่จะสามารถจัดการงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาได้หลายประเภท ตั้งแต่การพัฒนาอินเทอร์เฟซผู้ใช้ (User Interface) โดยใช้มาตรฐาน HTML/CSS เป็นแนวทางปฏิบัติ ไปจนถึงการรวมแอพพลิเคชั่นการประมวลผลการชำระเงิน ซึ่งงานของนักพัฒนาเว็บก็คือการสร้างเว็บไซต์ตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงระดับสูง
ด้วยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นของตำแหน่งนักพัฒนาเว็บ สำหรับผู้ที่ให้ความสนใจในงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ คุณควรที่จะต้องทราบข้อกำหนดด้านการศึกษาที่แตกต่างกันออกไปสำหรับงานนี้ ในขณะที่บางบริษัทก็จำเป็นที่จะต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับอนุปริญญาหรือปริญญาตรี แต่ผู้ว่าจ้างจำนวนมากก็มักจะจ้างนักพัฒนาเว็บที่มีความรู้ด้าน HTML, JavaScript และ SQL โดยที่ไม่ต้องมีวุฒิการศึกษาในระดับปริญญา นอกจากนี้จงระลึกอยู่เสมอว่า การที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักพัฒนาเว็บนั้น คุณจะต้องมุ่งมั่นในการติดตามข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ และภาษาคอมพิวเตอร์ (Computer languages) อยู่เสมอ
จากข้อมูลของเดือนพฤษภาคม ปี 2018 ที่ได้จากกระทรวงแรงงานของสหรัฐ เราพบว่านักพัฒนาเว็บจะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเฉลี่ยต่อปีที่ $69,430 และยังพบว่า 10% ของรายได้ที่ต่ำที่สุดของนักพัฒนาเว็บนั้นคือที่ $37,930 ในขณะที่ 10%ของรายได้สูงสุดนั้นอยู่ที่ประมาณ $124,480
โดยในระหว่างนี้ไปจนถึงปี 2028 นั้น กระทรวงแรงงานของสหรัฐได้มีการประเมินว่าโอกาสก้าวหน้าสำหรับอาชีพนักพัฒนาเว็บจะเพิ่มขึ้น 13% ซึ่งก็ถือว่าเร็วกว่าอาชีพอื่นๆ มาก
อาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (Database Administrator) หรือที่เรียกว่า DBA นั้น มีหน้าที่สร้างระบบฐานข้อมูลคุณภาพสูงที่ถูกปรับให้เหมาะกับบทบาทและความต้องการเฉพาะของผู้ใช้งานจริง (End User)
นอกจากนี้ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลก็ยังต้องรับประกันความสมบูรณ์และประสิทธิภาพโดยรวมของฐานข้อมูลของบริษัท เพื่อทำให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่นตลอดเวลา โดยที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลจำนวนมากก็ยังคงต้องพัฒนาฐานข้อมูลใหม่ๆ, วัดประสิทธิภาพและยืนยันว่าฐานข้อมูลสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้
สำหรับใครที่สนใจงานด้านเทคโนโลยีในระดับเจ้าหน้าที่ในตำแหน่งผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล คุณสมบัติที่คุณควรจะต้องมีก็คือ วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาวิชาคอมพิวเตอร์หรือสาขาวิชาสารสนเทศศาสตร์ ซึ่งไม่ว่าคุณจะมีความสามารถในอันดับที่เท่าไหร่ สิ่งที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลควรจะต้องมีก็คือ ความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับภาษาฐานข้อมูล (Database Language) ที่เป็นมาตรฐานทั่วไป และที่พบโดยมากก็คือ Structured Query Language หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่าภาษา SQL ซึ่งเป็นภาษามาตรฐานที่ใช้สำหรับจัดการฐานข้อมูล
จากข้อมูลในเดือนพฤษภาคม 2018 ของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ พบว่า 10% ของค่าจ้างที่ต่ำที่สุดที่อาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลได้รับคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อปีที่ $50,340 ในขณะที่ 10% ของค่าจ้างที่แพงที่สุดที่ผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลได้รับนั้นเป็นจำนวนเงินที่สูงถึง $138,320
กระทรวงแรงงานของสหรัฐยังได้ทำการประเมินโอกาสสำหรับอาชีพผู้ดูแลระบบฐานข้อมูลด้วยว่า อาชีพนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้น 9% นับตั้งแต่ช่วงเวลานี้ไปจนถึงปี 2028 ซึ่งก็ถือว่าเป็นสายงานที่เติบโตได้เร็วกว่าอีกหลายอาชีพ
หากคุณเคยพบว่าตัวเองมีเรื่องที่ทำให้ต้องนึกถึงความหลังเกี่ยวกับภาพยนตร์ชื่อดังในยุค 80 อย่าง Wargames หรือคุณอาจจะเคยฝันกลางวันกับการได้เป็นมือขวาของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่าง John McClane ใน Live Free หรือ Die Hard แล้วล่ะก็! ลองพิจารณาอาชีพนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลดูอีกหนึ่งอาชีพ เชื่อว่าก็คงจะไม่เสียหายอะไร?
ลองนึกภาพของผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ในฐานะผู้เฝ้าประตูที่ได้รับมอบความไว้วางใจในการปกป้ององค์กรของพวกเขาจากผู้โจมตีทางไซเบอร์ที่ไม่ประสงค์ดี นักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลเหล่านี้จึงต้องมีหน้าที่ในการค้นคว้าและใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยด้านไอทีที่ทันสมัย
ในขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ต้องการนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง แต่ก็ยังมีบริษัทต่างๆ อีกมากมายที่เลือกที่จะพิจารณาจากใบประกาศนียบัตรรับรองความรู้ด้านความปลอดภัย (Security Certification) สำหรับผู้ที่สนใจที่จะทำงานด้านเทคโนโลยีระดับพนักงานทั่วไปโดยที่ไม่ต้องมีใบปริญญา ทักษะที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีมีความสำคัญต่อตำแหน่งนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น การทำให้คอมพิวเตอร์แข็งแกร่ง นอกจากนี้การแก้ปัญหาและความสามารถในการวิเคราะห์ก็ยังเป็นกุญแจสำคัญสำหรับตำแหน่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน
ตามรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ ณ เดือนพฤษภาคม 2018 พบว่านักวิเคราะห์ด้านความปลอดภัยทางข้อมูลได้รับค่าจ้างเฉลี่ยต่อปีที่ $98,350 โดย 10% ของรายได้ที่ต่ำที่สุดนั้นเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่า $56,750 ในขณะที่ 10% ของรายได้สูงสุดของอาชีพนักวิเคราะห์ความปลอดภัยทางข้อมูลนั้น พวกเขามีรายได้มากกว่า $156,580
โอกาสที่จะเติบโตในงานด้านเทคโนโลยีระดับเจ้าหน้าที่นี้กำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งตามที่กระทรวงแรงงานของสหรัฐคาดการณ์ไว้ก็คือ อาชีพนี้มีโอกาสที่จะเติบโตถึง 32% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
นักพัฒนาซอฟต์แวร์ในระดับพนักงานทั่วไป (Entry-Level) นั้น จะต้องมีความรู้ทางเทคนิคในการสร้างโปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การระบุความต้องการด้านการใช้งานของผู้ใช้งานจริง ไปจนถึงการสร้างซอฟต์แวร์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำงานเฉพาะได้ นอกจากนี้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังต้องพิถีพิถันในการพิจารณาความต้องการของผู้ใช้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันของซอฟต์แวร์ที่พวกเขากำลังสร้างขึ้น
สำหรับนักแก้ปัญหาเชิงสร้างสรรค์และนักคิดเชิงกลยุทธ์ นี่คือตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีสำหรับพนักงานระดับเจ้าหน้าที่ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นอาชีพที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมไอที
อย่างไรก็ตามเราจะสังเกตได้ว่า นักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ต้องมีความรู้เกี่ยวกับเครื่องไม้เครื่องมือและภาษาคอมพิวเตอร์ที่ทันสมัยอยู่เสมอ ในขณะที่วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาเมื่อเข้าสู่สายงานนี้ นอกจากนี้ หลายๆ คนที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ก็ยังได้รับการฝึกหัดอย่างเต็มที่ในขณะที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์, วิศวกรรมหรือสาขาที่คล้ายๆ กันนี้
ตามรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐ ณ เดือนพฤษภาคม ปี 2018 พบว่านักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้รับค่าจ้างรายปีเฉลี่ยที่ $105,590 อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่จะต้องระลึกไว้เสมอก็คือ รายได้เฉลี่ยสำหรับงานด้านเทคโนโลยีสำหรับผู้ที่จบใหม่หรือยังไม่มีประสบการณ์นั้น จะแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรม
นักพัฒนาซอฟต์แวร์สามารถคาดหวังถึงโอกาสในการเติบโตในสายอาชีพที่มีอยู่มากมายได้เช่นเดียวกับงานด้านเทคโนโลยีและไอทีอื่นๆ สำหรับพนักงานระดับเจ้าหน้าที่ (Entry Level) โดยจากรายงานของกระทรวงแรงงานของสหรัฐพบว่าโอกาสในการเติบโตของอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์จะเพิ่มขึ้นถึง 21% ในอีก 10 ปีข้างหน้า