หากพูดถึงคำว่า Cloud หลาย ๆ คนก็อาจจะนึกถึงบริการ ICloud, Dropbox, Google Drive หรือ Microsoft Onedrive กันใช่ไหมคะ เพราะบริการเหล่านี้เป็นบริการที่เราคุ้นเคยกันดี เนื่องจากใช้กันอยู่บ่อย ๆ เป็นประจำ เพื่อไว้ใช้จัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แต่ถ้าหากเราถามถึงคำว่า Cloud Computing คือ อะไร หลายคน ๆ ก็อาจจะชักสับสนและไม่แน่ใจว่า มันต่างหรือมันเหมือนกันอย่างไรกันแน่ เชื่อว่าหลายคนก็อาจจะเดาว่าชื่อคล้ายกันก็น่าจะคล้ายกันสิ ซึ่งคำตอบก็คือ ถูกแค่ครึ่งเดียวค่ะ บริการข้างต้นที่เราได้กล่าวกันมานั้นแท้จริงแล้วเป็น เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของบริการ Cloud Computing เท่านั้น ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Cloud Starage
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้คำว่า Cloud Computing กันมากขึ้น รวมไปถึงทำความรู้จัก คลาวด์ประเภทต่าง ๆ ว่ามีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไรบ้าง พร้อมเคสเปรียบเทียบว่า Cloud Computing จะช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตได้อย่างไร ถ้าพร้อมแล้วเราลองไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ
Cloud Computing คือ บริการที่ให้เราใช้หรือเช่าใช้ระบบคอมพิวเตอร์หรือทรัพยากรด้านคอมพิวเตอร์ ของผู้ให้บริการ โดยครอบคลุมทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการประมวลผล การจัดเก็บข้อมูล และระบบออนไลน์ต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ต ซึ่งเราสามารถเลือกกำลังการประมวลผล เลือกจำนวนทรัพยากร ได้ตามความต้องการในการใช้งาน พูดง่ายก็คือ ใช้เท่าไหร่ ก็จ่ายเท่านั้นนั่นเอง นอกจากนี้เรายังสามารถเข้าถึงข้อมูลบน Cloud จากที่ไหนก็ได้เรียกได้ว่าทั้งสะดวกสบายแถมยังประหยัดเวลาแบบสุด ๆ
คือการตั้งคลาวด์ส่วนตัว โดยแต่ละบริษัทหรือองค์กรจะลงทุนจัดตั้ง Hardware และ Software ที่ใช้เป็นพื้นฐานในการทำ Cloud Datacenter ขึ้นมาเป็นของตัวเอง เพื่อให้พนักงานในองค์กรใช้เท่านั้น
คือ คลาวด์ที่สร้างขึ้นเพื่อให้ทุกคนสามารถใช้งานได้ โดยจะมีผู้ให้บริการระบบคราวด์เป็นคนตั้ง ระบบ Hardware และ Software ขึ้นมา แล้วให้แต่ระบริษัทหรือองค์กรเข้าไปเช่าใช้บริการ อาจจะจ่ายเป็นรายเดือนหรือรายปี
คือ เป็นการเอาข้อดีของระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud มาใช้ร่วมกัน เช่น การนำ Private Cloud มาใช้สำหรับเก็บข้อมูลภายในองค์กร และใช้ Public Cloud มาใช้เพื่อการ Scale out ในการประมวลผลในช่วงที่เกิด Workload Peak time เป็นต้น
คือ บริการที่ให้ใช้หรือเช่าใช้บริการ Software และ Applicationผ่านอินเทอร์เน็ต โดยประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการโดยที่เราไม่ต้องกังวล หรือหาคนมาดูแล Infrastructure และคนมาสร้าง Application ให้เรา เพราะทุกอย่างได้ถูกจัดเตรียมมาโดยผู้ให้บริการเรียบร้อยแล้ว
คือ การให้บริการด้าน Platform สำหรับผู้ใช้งานเช่น นักพัฒนาระบบ หรือ Developer ที่ทำงานด้าน Software และ Applicationโดยผู้ให้บริการ Cloud จะจัดเตรียมสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการพัฒนา Software และ Application เอาไว้ให้ ไม่ว่าจะเป็น Hardware, Software, หรือชุดคำสั่ง เพื่อให้ผู้ใช้สามารถต่อยอดได้เลย
คือ บริการที่ครอบคลุมเฉพาะในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานทางด้านไอทีได้แก่ ระบบเครือข่าย (Network), ระบบจัดเก็บข้อมูล (Database), ระบบประมวลผล (CPU) ไปจนถึงอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น Servers และ ระบบปฏิบัติการ (OS)ใ นรูปแบบระบบเสมือน (Virtualization) โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อ Hardware ที่มีราคาแพง
จะเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว Cloud Computing ไม่ได้เป็นเทคโนโลยีที่ไกลตัวเราเลยค่ะ ซึ่งเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก หรือแม้กระทั้งโปรเจคเล็ก ๆ ของเราให้ดำเนิดไปอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มศักยภาพทั้งในด้านของความรวดเร็ว ความยืดหยุ่น และความปลอดภัย รวมไปถึงยังสามารถช่วยลดต้นทุนและประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มากอีกด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่อยากรู้ว่า ประโยชน์ ของ Cloud Computing มีอะไรบ้างเราขอแนะนำบทความ : Cloud computing ประโยชน์ ที่ให้ได้มากกว่าความประหยัด